www.greeneryclinic.com

News & Event

ย้อนกลับ

วิธีการนอนเตียงหยกร้อน GNRMAT ให้เกิดประสิทธิภาพ

*ควรนอนเป็นประจำทุกวันหรือสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง*

การนอนเตียงหยกร้อนมี 2 แบบ

การนอนแบบที่ 1 : นอนแบบเป็นช่วงเวลา ตั้งแต่ 30 นาที ถึง 2 ชม./ครั้ง

การนอนเป็นช่วงเวลาเหมาะกับผู้ที่มีเวลาช่วงเช้าหรือเย็น ก่อนอาบน้ำ 40 นาที ถึง 1 ชม. โดยหลังตื่นนอนให้ทานน้ำก่อน 1 แก้ว ปิดแอร์ หากรู้สึกอึดอัดให้เปิดพัดลมเพื่อระบายอากาศ นอนจนมีเหงื่อออก เป็นเม็ดๆ จากนั้นพัก5-10 นาทีแล้วไปปิดจบด้วยการอาบน้ำเย็น คือไม่เปิดเครื่องทำน้ำอุ่น ปิดสวิสต์เตียงกดเปิดตั้งเวลา ปรับอุณหภูมิไปที่ 50-65 องศา ตามชอบ สวมปลอกผ้าและปูผ้าขนหนู ทุกครั้งที่ใช้ GNR MAT *ห้ามเปิดเครื่องหยกร้อนขณะไม่มีผ้าปูใดๆ* ยกเว้นกรณีการนอนแบบหินเย็นสามารถนอนโดยไม่มีผ้าปูได้ เพื่อให้พลังความร้อนในร่างกายลดลง จากหินเย็นที่ดูดความร้อนจากร่างกายเข้าไปในตัวหิน

กรณีต้องการขับของเสีย ลดไขมัน ลดอาการปวดเรื้อรัง ให้นอนแบบที่ 1 คือใช้ความร้อนให้มีเหงื่อออก เวลาของการมีเหงื่อแต่ละคนจะต่างกัน ตามระบบเผาผลาญ หากท่านใดระบบเผาผลาญดีเหงื่อจะออกง่ายและเร็ว แต่เมื่อคนที่เหงื่อออกยากและน้อย ใช้ GNRMAT ห้าวันติดกัน สังเกตว่า เหงื่อจะออกง่ายขึ้นเรื่อยๆ จนอยู่ในระดับที่ดี คือไม่เกิน 1 ชม.เหงื่อจะออก

กรณีเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เมื่อเริ่มใช้ให้เปิดไม่เกิน 50 องศา ประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นจึงเพิ่มองศาหรือเพิ่มเวลาได้

*** หากมีอาการซ่านพิษ (Healing Crisis) ให้ลดองศาลงที่ 45-47 องศา แล้วดื่มน้ำตามอาการ เหล่านั้นจะค่อยๆหายไปใน 1-2 สัปดาห์

การนอนแบบที่ 2 : นอนองศาที่ต่ำแต่นอนนาน 3-6 ชั่วโมง ช่วงเวลาหลับ

การนอนแบบนี้เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาในช่วงหลังตื่นนอน หรือก่อนอาบน้ำช่วงเย็น และผู้ที่มีโรคประจำตัว สามารถนอนเผื่อผ่อนคลายได้ โดยองศาที่ใช้ จะอยู่ที่ 40-47-50 องศา

หลังอาบน้ำแล้วก่อนจะนอนให้เปิดตั้งไว้ 3 ชั่วโมงก่อนในระยะแรกโดยเปิดที่ 40-47 องศา แล้วนอน หลับได้เลย เครื่องจะทำงานและปิดอัตโนมัติ ตามเวลาที่ตั้งไว้ ในช่วง 3 ชั่วโมง แรก จะเป็นเวลาที่ GROWTH HOMONE ทำงานได้เต็มที่ หากเราหลับลึกหลับสนิทในช่วง 3 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน ฮอร์โมนของความเป็นหนุ่มเป็นสาวก็จะหลั่งออกมาได้มากขึ้น ร่างกายผ่อนคลายอาการเกร็ง อาการปวด อาการชา และอาการเครียด ด้วยพลังความร้อน และพลังงานหินที่ทำให้ร่างกายผ่อนคลายอัตโนมัติ จึงทำให้การนอนหลับดีขึ้น จากนั้นจึงค่อยเพิ่มเวลาเป็น 4 5 หรือ 6 ชั่วโมง สูงสุด

หากรู้สึกเหงื่อออกและสะดุ้งตื่นกลางดึกให้ลดองศาลง แสดงว่ามากเกินไปสำหรับบุคคลนั้น ต้องให้นอนหลับยาวถึงเช้า แสดงว่าเป็นองศาที่เหมาะสมสำหรับบุคคลนั้น เพราะแต่ละบุคคลธาตุในร่างกายแตกต่างกัน

  1. คนที่ผอม เหงื่อออกง่าย นอน GNRMAT ไม่ถึง 30 นาที ก็มีเหงื่อออกมามาก กินเยอะไม่อ้วน มักเป็นธาตุไฟ  ให้นอนแบบที่ 1 ไม่จำเป็นต้องนอนแบบที่ 2
  2. คนที่อ้วนง่าย ตัวบวมน้ำและบวมลม กินน้อยแต่อ้วนไว เผาผลาญต่ำ มีลมในท้องเป็นภูมิแพ้ มักเป็นธาตุน้ำ สามารถนอนได้ทั้งแบบที่ 1 และแบบที่ 2
  3. คนที่มีลมในร่างกายมาก โดยเฉพาะอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป มักมีปัญหาลมเกินในร่างกาย เวลานอนเตียง GNRMAT หยกร้อนมักจะตดหรือเรอ แสดงว่ามีธาตุลมมาก ให้นอนแบบที่ 2 ก่อน ให้ร่างกายปรับตัวแล้วค่อยนอนแบบที่ 1 เพิ่มในภายหลัง เช่นผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ไมเกรน ออฟฟิตซินโดรม อัมพฤกษ์ อัมพาต
  4. ท่านที่มีปัญหากล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อ มีพังผืดมาก ปวดตามร่างกาย การยืดเหยียดมีปัญหา เนื่องมาจากการขาดการออกกำลังกาย ชีวิตประจำวันเคลื่อนไหวน้อย เมื่อการยึดมากขึ้นหากไม่แก้ไข จะส่งผลทำให้กระดูกเปลี่ยนแปลงได้ด้วย เช่น ทรุด บิด เบี้ยว เอียง และกดทับเส้นประสาทในที่สุด ทำให้อาการยิ่งมากขึ้น แนะนำการนอนโดยใช้ความร้อนสูงหรือนอนจนมีเหงื่อออกมากๆหลังจากนั้นพักร่างกาย 5-10 นาทีแล้วปิดด้วยการอาบน้ำเย็น และแบบที่ 2 ร่วมด้วยได้ โดยเปิดอุ่นๆ45-47 องศา 1-3 ชมแล้วหลับไปได้

สำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรน สะดุ้งตื่นกลางดึก ภูมิแพ้ ไซนัส จะลดลง เนื่องจากช่องคอและทางเดินหายใจได้รับพลังงานความร้อนเลือดเลยขยาย เสมหะที่อุดตันลดลงในช่องคอจากความร้อนที่ส่งผ่านมาจากแผ่นหลัง เข้าสู่ปอด ไล่ความชื้นออกจากปอด จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้ ไซนัส ช่องทางเดินหายใจแคบ หากนอนในห้องแอร์ ที่เย็นจัด ความชื้นต่างๆก็จะสูง เสมหะเหนียวขึ้น แผ่น GNRMAT ที่ให้ความอุ่นเพิ่มขึ้น จึงทำให้ร่างกายมีอุณภูมิสูงขึ้นจากเดิมอีก 2-3 องศา อยู่ที่ 37-38 องศา ทำให้กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันIMMUNE กระตุ้น TCELL ให้ทำงานได้ดีขึ้น อาการภูมิแพ้จึงลดลง ที่ละนิดๆ จนสังเกตได้ว่าเราแข็งแรงขึ้นมีภูมิต้านทานมากขึ้น